วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562

อยากทำไวน์สับปะรด


        มีวันนึง เห็นสับปะรดลูกหนึ่งน่าทานมาก เลยยกไว้ (เก็บไว้) ไม่ขาย แต่ประเด็นมันมีอยู่ว่าดันลืมนะสิ ลืมไปเกือบอาทิตย์ สับปะรดก็เลยงอมมากๆๆๆๆ เปลือกนี้ออกส้มปนดำเลย แต่ไม่เสียนะ อย่างที่เคยบอกสับปะรดภูเก็ตเสียยาก ถ้าเป็นของแท้นะ หุหุ เอ้าต่อๆ พอปอกเปลือกโอ้แม่เจ้า หอมเหมือนเหล้าเลย พอลองทาน มันจะรู้สึกแปลกๆ แต่ลิ้นรับรสแอลกอฮอล์ลได้อย่างชัดเจน แต่ความหวานกรอบหายไปเกลี้ยง เลยเกิดความคิดว่าอยากลองเอามาหมักไวน์ดู เพราะจำได้ตอนเรียน มอ.(ม.สงขลานครินทร์) เพื่อนที่เรียนอุตสาหกรรมเกษตรเคยทำมาให้ทาน จำได้ว่าไม่อร่อยแต่เมาเอาเรื่อง ขวดเดียวดื่ม 3 รึ 4 คนไม่มั่นใจแต่หัวขวิดหัวตุงกันหมด ด้วยความไม่เคยกินไวน์มาก่อนเลย 555 เติมเข้าไปหลังจากเบียร์ 2 ขวดสุดยอดขอบอก

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ภูแล รึ ภูหลอก (โดนต้มแล้วหลาววว)


        ใครไม่รู้จักสับปะรดภูแลยกมือขึ้น อั่นแน่ผมว่าคนที่ยกมือคงน้อยมากแน่ๆ เพราะในปัจจุบันใครๆ ก็รู้จักสับปะรดภูแล เพราะเค้าดังระดับประเทศ อิอิ แต่ใครจะรู้รึปล่าวว่า ต้นกำเนิดสับปะรดภูแลมาจากที่ใด 555 ขอบอกเอาต้นพันธุ์จากภูเก็ตนี่แหละไปปลูกที่ตำบลนางแล จังหวัดเชียงรายแต่ก็ด้วยดินฟ้าอากาศที่แตกต่างกันมาก จึงทำให้สับปะรดพันธุ์ภูเก็ตที่ปลูกที่โน่นไม่ค่อยใหญ่ มีแต่ลูกเล็กๆ จิ๋วๆ แม่ค้าก็เลยเอาชื่อภูเก็ตมาผสมกับนางแล กลายเป็นภูแลด้วยประการละฉะนี้ นะชะเอิงเงิงเงย

         แต่ด้วยความดังนี่แหละ ดังมากในภูเก็ตก็มีขายตลอดทั้งปี (ซึ่งผมว่ามันผิดปกติ) รสชาติสับปะรดภูแลก็หวานฉ่ำ กรอบ อร่อย แต่ราคาค่อนข้างสูง (อันนี้แหละประเด็น) เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า ก็ด้วยราคาที่สูงของสับปะรดภูแลนี่แหละทำให้พ่อค้าหัวใส (ขี้โกง ไร้จรรยาบรรณ) ใช้สับปะรดพันธุ์ภูเก็ตที่ปลูกจากที่จังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะพังงา คัดเฉพาะลูกเล็กๆ จิ๋วๆ นำมาปอกแล้วแช่หัวน้ำตาล (ขันฑสกร) ออกมาก็แปลงร่างกลายเป็น สับปะรดภูแล ขายเป็นกิโลๆ ละร้อยกว่า ทั้งที่จริงๆ ต้นทุนสับปะรดลูกเล็ก ราคาไม่เกินลูกละ 2-3 บาท ที่ปอกแล้วก็ประมาณ 7 ลูกต่อกิโล ต้นทุนก็ประมาณ 20 บาท ขายได้เป็นร้อยอิอิ กำไรเห็นๆ ขบวนการนี้มีทำกันมาหลายปีแล้วนะครับ หลอกกันจนรวย จะมีขายกันมากแถวโซนภาคใต้ครับ ส่วนภาคอื่นๆ ไม่ค่อยมีข้อมูล อิอิ แต่ผมรู้สึกสงสารคนที่ซื้อไปทานครับ ตั้งใจทานผลไม้เพื่อสุขภาพ ยอมซื้อสับปะรดที่ราคาแพง แต่กลายเป็นทานสับปะรดแช่หัวน้ำตาล (ขันฑสกร) โดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าจะมีผลต่อร่างกายในระยะยาวอย่างไรบ้าง 



         เอาละถึงไหนก็ถึงไหนแล้ว ถ้างั้นผมจะบอกวิธีสังเกตุง่ายๆ ในการเลือกซื้อสับปะรดภูแลนะครับ เพราะของภูแลแท้ๆ ก็มีนะครับ อย่าเหมาเอาว่าทุกที่ที่ขายเค้าหลอกเรา อิอิ สับปะรดเป็นพืชที่ชอบแดดจัดๆ ครับ และจะหวานโดยธรรมชาติถ้าหากเก็บผลในช่วงหน้าแล้ง จะหวานน้อยหน่อยในช่วงหน้าอื่นๆ แต่สับปะรดที่สีเนื้อต่างกันเช่นเหลืองเข้ม เหลืองอ่อน รึออกเหลืองๆขาวๆหน่อย รสชาติแต่ละลูกจะต่างกัน ไม่มีทางที่สับปะรดทุกลูกจะหวานเท่ากันหมด ลองซื้อมาชิมสัก 2 ลูกครับ เลือกเอาที่สีเนื้อต่างกันครับแล้วทานดูว่ามันหวานพอกันเปล่า หากหวานพอๆ กัน เท่ากัน ก็เลิกซื้อร้านนี้ดีกว่าครับ เพราะแสดงว่าแช่หัวน้ำตาลครับ แต่ถ้าหวานต่างกันมีหวานมาก หวานน้อย เปรี้ยวๆ หวานๆ อันนี้แสดงว่าของแท้ครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ You Are What You Eat

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

รู้จักสับปะรดภูเก็ต

        ก่อนอื่นก็ต้องขอเล่าความเป็นมาจั๊กหน่อย อิอิ กระผมมีนามกรว่า " โอ๊ะ " เป็นคนภูเก็ตโดยกำเนิด คลุกคลีตีโมงกะเจ้าสับปะรดภูเก็ต (ยาหนัด) นี้มาน้านนาน ก็เพราะว่าที่บ้านขายสับปะรดภูเก็ตนี้มาตั้งแต่ปี 2523 โน่น ในสมัยนั้นเห็นพ่อบอกว่าราคาลูกใหญ่ๆ ลูกละ 1.50 บาท (โหถูกโครตๆ) จนปัจจุบันก็ยังทำอาชีพพ่อค้าสับปะรดภูเก็ตอยู่ ณ.บัดนาว อิอิ

                                             นี่รูปต้นสับปะรดภูเก็ตครับ ส่วนใหญ่จะปลูกในร่องยางพารา 

        แต่แล้ววันหนึ่งเคราะห์มาถึงขมึงถึงมา อะอะ ม่ายช่าย แต่มีอยู่วันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวผมเกิดความคิดที่จะเขียนบล็อกนี้ขึ้นมา ก็ลูกค้าตัวดีนะสิ มาว่าร้านเราได้ แหมๆๆ หมั่นไส้

ลูกค้า : " สับปะรดนี่หวานมั้ยพ่อค้า " 

กระผม : " เอ่อ " มองหน้าลูกค้าให้ชัดๆ " หวานครับถ้าลูกที่สุกๆ "  

ลูกค้า : " แต่เที่ยวที่แล้วเปรี้ยวอ่า ไม่หรอยเลย " 

กระผม : " อ่ะครับ ไปซื้อที่ร้านไหนอะครับ " (ตั้งแต่ขายมายังไม่เคยเห็นมาซื้อร้านเราเห็นยืนเลือกอยู่ร้านอื่น อย่านะ อย่าคิดว่าตรูจำไม่ได้ ชิชะ)

ลูกค้า : " ร้านนี้แอ๊ะ " (เสียงสูงเป็นภาษาใต้) " จำไม่ได้หื้อ "

กระผม : " ครับๆ จำได้ " (จำได้ทำไมจะจำไม่ได้ว่ามึงอ่ะซื้อร้านอื่น แล้วมาว่าร้านตรูว่าไม่หวาน ก็ที่มึงเลือกที่ร้านโน่นอะสับปะรดพันธุ์ภูเก็ต แต่ปลูกที่กระบี่ทำไมตรูจะไม่รู้ ชิ !!! )
เจอคุณลูกค้าประเภทนี้เข้าหลายๆ ครั้งอ่ะ เซ็งเป็ด มาวันนึงระหว่างเอาสับปะรดขึ้นจัดในรถ เลยคุยเล่นๆ กับโกชัย ลูกแป๊ะตี๋ ซึ่งเป็นเจ้าของสวนสับปะรดชื่อดังสุดๆ ในจังหวัดภูเก็ต (ในวงการสับปะรดภูเก็ตไม่มีใครไม่รู้จัก ซึ่งผมตั้งชื่อให้สับปะรดของแกใหม่ เป็น สับปะรดภูเก็ตจากไร่สุริยา อิอิ ก็จะไม่ดังได้งัย ประกวดมากี่ครั้ง ของแกไม่เคยผลาด ที่ 1 ตลอด แถมบางปี ส่งหลายลูก 1 2 3 กวาดเรียบ จนเกษตรจังหวัดต้องมาขอให้แบ่งรางวัลให้คนอื่นๆ บ้างอ่ะ ) ซึ่งผมบอกโกชัย ว่าเราต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว เพื่อให้คนรู้จักสับปะรดภูเก็ตแท้ๆ ไม่งั้นเสียชื่อหมดเพราะในปัจจุบันกว่า 80 % ของสับปะรดที่ขายในภูเก็ตเป็นสับปะรดจากจังหวัดอื่นเข้ามาขายในภูเก็ต แม้แต่คนภูเก็ตเองยังโดนหลอกแล้วนักท่องเที่ยวจะไปเหลือรึ เฮ้ออออ....


ปล.  ต้องทำความเข้าใจนิดนึงนะครับว่า สับปะรดภูเก็ต กับ สับปะรดพันธุ์ภูเก็ต ต่างกัน

สับปะรดภูเก็ตแท้ๆ ก็คือ สับปะรดภูเก็ตที่ปลูกในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

ส่วนสับปะรดพันธุ์ภูเก็ต ก็คือ สับปะรดพันธุ์ภูเก็ตที่นำไปปลูกในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ เช่นพังงา กระบี่ สุราษฯ ชุมพร ระนองฯลฯ ซึ่งรสชาติ ต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ๆ ปลูกและฝีมือของเจ้าของสวน

  • ปลูกภูเก็ต ถ้าสุกจะหวาน กรอบ แกนกลางเคี้ยวได้เลย
  • ปลูกพังงา ถ้าสุกจะหวานบ้าง หวานอมเปรี้ยวบ้าง อร่อยไม่เท่ากับที่ปลูกที่ภูเก็ต แต่ก็ยังดีกว่าที่จังหวัดอื่นๆ
  • ปลูกกระบี่ สุกก็ยังเปรี้ยว แถมไม่กรอบอีกตะหาก
  • ปลูกชุมพร สุกจะหวานนิ่มๆ ไม่กรอบ 
  • ส่วนอีกหลายๆที่ ก็จะคล้ายๆ กับปลูกที่กระบี่กับชุมพร

                                                                                            สับปะรดที่สุกจัดแล้ว

สรุปง่ายๆ ปลูกที่ภูเก็ตหวาน กรอบ อร่อยที่สุด รองลงมาจะเป็นปลูกที่พังงา คงเป็นเพราะดินฟ้าอากาศคล้ายๆ ภูเก็ตมั้ง แต่ยังงัยก็รสชาติจะไม่เหมือน 100 % ถ้าคนที่ดูเป็น จะสามารถรู้ได้ทันที่แม้จะไม่ได้มองในระยะประชิด ซึ่งในบทความต่อๆ ไป กระผมจะมาบอกวิถีการดูนะครับ